อีกไม่กี่ปี คน 5 ประเภทนี้จะอยู่ยากและตกงาน
หลังจากเรียนจบทุกคนก็ต้องตั้งใจหาง านทำเพื่อให้มีร ายได้เข้ามาจุนเจือหาเลี้ยงปากท้องและครอบครัวของตัวเอง บางคนมีฐ าน ะที่ย ากจนยังเรียนไม่จบก็ต้องทำงา นเพื่อหาเงิ นเข้าบ้ าน หลายคนก็เลือ กทำเป็นงานพาร์ ตไ ทม์เรียนไปด้วยทำงา นไปด้วย แต่บางคนก็เลือ กที่จะออ กจากที่เรียนเพื่อมาทำง านเลย แต่ทีนี้ด้วยความที่โลกนั้นมีพั ฒน าอย่ างรว ดเร็ วหากเรายังทำตัวเหมือนคน 5 ประเภทนี้ ในอน าคตหาง านลำบ ากแ น่
มีอาจารย์ท่านหนึ่งนามว่า Li Kaifu เคยกล่าวไว้ว่า “อีก 10 ปีข้างหน้า งาน 50% ของมนุษย์อาจจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์” โดยความหมายอีกนัยหนึ่งนั้นก็คือ ในอีก 10 ปีข้างหน้า พนั กง านกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัท อาจจะถู กให้ออ กจากง านหรือจอาจะเข้าสู่สถ านะตกง าน เพราะหุ่นยนต์จะเข้ามาทำง านแทนที่ของคน
และเหมือนกับว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันแต่อย่างใด มันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากที่เราต้องคอยตะหนั กไว้เสมอ ดูได้จากในปีที่ผ่านๆมา เราจะเห็นได้ว่าหลายๆบริษัทได้ทำการปลดพนั กงา นในหลายๆตำแห น่งออ ก เพื่อนำเครื่ อ งจั กรเข้ามาทำง านแทนที่พนั กง านเหล่านั้น
โดยคน 5 ประเภทที่จะเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้อย่างหลี กเลี่ ยงไม่ได้เลยคือ
คนประเภทแรกคือ คนที่มองแค่อน าค ตสั้ นๆ ตัดสินสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทั นทีโดยไม่คิดไตร่ตรอง
นี่เป็นเรื่องราวของ Li Ting และ Tan Si หลังจากเรียนจบต้องไปเข้าฝึกงา นที่บริษัทบัญชีแห่งหนึ่งด้วยกัน หลังจากฝึกงานจนครบระยะเวลา ทางบริษัทก็ได้ยื่นข้อเส นอให้ โดยข้อเส นอนั้นคือให้ไปศึกษาง านที่สำนักงา นใ หญ่ในฮ่องกง 2 ปี โดยที่ไม่มีค่ าคอ มมิชชั่ น อีกทั้งยังได้เ งินเดือนเพี ยงแค่ครึ่งเดียว เมื่อได้ฟังข้อเสนอจบ Li Ting ได้ตอบปฏิเสธ เพราะเงิ นเดือนที่ได้นั้นน้ อยเกินไป และตัวเองก็ไม่คุ้นเคยกับการต้องไปใช้ชีวิ ตในต่างแดนด้วย แต่กลับกัน Tan Si ได้ตอบตกลงด้วยความกล้า ในมุมมองของเธอนั้นการได้ไปฮ่องกง เพื่อศึกษ างา นอีกทั้งยังมีเงิ นเดือนให้ด้วย แบบนี้ถือเป็นเรื่องที่คุ้ มค่ าสำหรับเธอเลย
เมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี Tan Si ได้กลับมาจากฮ่องกง พร้อมกับตำแ หน่ งหั วหน้ าโครงการคนใหม่ของบริษัท ซึ่งได้ร ายได้ 1 ล้านบาทต่อปี ส่วน Li Ting ก็ยังคงไม่มีความก้ าวหน้ าในตำแหน่ง เพราะเธอยังคงได้ทำง านอยู่ในตำแหน่งเดิม เงิ นเดือนที่ได้ก็ไม่ถึง 1 ใน 3 ของ Tan Si เลยด้วย
ซึ่งเรื่องที่เล่าไปไม่ได้หมายความว่า ใครคนใดคนหนึ่งตัดสินใจถู กหรือตัดสินใจผิ ด เพราะทั้งคู่ก็ต่างเลือ กทางเดินให้กับชีวิตตัวเอง โดยคิดว่าทางนี้คือทางที่ดีและเหมาะสมที่สุด และเมื่อเวลาผ่านพ้นไป จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าการที่เราตัดสินใจสิ่งนั้นไปในอดีต จะสามารถพาเราก้า วหน้ าไปได้ไกลแค่ไหนกัน
คนประเภทที่สองคือ คนที่ทำงานเดิมซ้ำๆ มีหน้ าที่ในการทำง านเดิมๆ
คนที่ทำงา นเป็นพนั กง านในรู ปแ บบเดิมๆทำงา นซ้ำๆ อาทิเช่น จัดเรียงสิ นค้ าในคลัง แพคสินค้าใส่กล่อง งา นเหล่านี้เป็นง านที่อาศัยเพียงความชำนา ญ ไม่ได้จำเป็นต้องผ่านการคิดหรือวิเค ร าะห์ หรือการตัดสินใจยากๆใดๆเลย ซึ่งนั้นก็ไม่ได้ต่างจากการทำงา นเหมือนหุ่นยนต์ เพราะงั้นหุ่นยนต์จึงนำมาแทนที่พนั กง านเหล่านี้ได้ โดยที่หุ่นยนต์ทำงา นได้ไม่มีบ่น ไม่เหนื่ อ ย ไม่ขาด ไม่ลา ไม่สาย และไม่ขอขึ้นเงิ นเดือนอีกด้วย
คนประเภทที่สามคือ ไม่รู้จักเรียนรู้นอ กเหนือเวลาทำงา น
นี่เป็นเรื่องของคนที่ทำงา นท่าเรือคนหนึ่ง เขาจะมีหน้ าที่คอยเช็คจำนวนสินค้าในคลังทุกวัน ซึ่งเป็นง านง่ ายๆ และมีแนวโน้ มว่างานในตำแหน่งนี้จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ในอนาคต ฉะนั้นเขาจึงได้เริ่มเรียนรู้จากการสังเกตว่าในการทำงา นปีแรกของเขา เขาจะพบว่าลู กค้ าส่วนให ญ่จะเป็นชาวสเปนเย อะมาก เขาจึงได้เริ่มฝึกภาษาสเปนทุกวันหลังจากเลิกง าน วันละ 2 ชั่วโมง
เมื่อผ่านไป 3 ปี ความสามารถทางด้านภาษาของเขาก็ได้พั ฒน าขึ้นเย อะมาก จนได้มีโอกาสไปร่วมงานนิทรรศการการค้าต่างประเทศ ซึ่งนั้นทำให้เขาได้ลู กค้ ารายให ญ่หลายร ายกลับมา ทำให้ธุรกิจของเขาขย ายตัวอย่างรว ดเร็ ว เมื่อเข้าสู่ช่วงปีที่ 7 เขาก็ได้ทำการเปิดบริษัทเป็นของตัวเองอย่ างภาคภูมิใจ
ระยะเวลาการทำงานที่ผ่านมาทั้งหมด เขาได้ทำง านเรียนรู้อยู่ตลอด แม้ว่าในวันหนึ่งเขาต้องทำงานถึง 8 ชั่วโมงแล้วก็ตาม แต่เวลาที่ยังเหลือนอ กเหนือเวลาทำงา นเขาก็ได้ค้นคว้าเรียนรู้หาสิ่งดีๆให้ตัวเองเสมอ ในยุคสมัยนี้ที่มีอินเตอร์เข้าถึงได้ง่ าย เพียงแค่คุณรู้จักไขว่คว้าหาข้อมู ลความรู้ คุณก็จะมีอัตร าการเติ บโ ตที่ก้าวกระโดดได้
คนประเภทที่สี่คือ คนที่ไม่เข้าใจเรื่องการลงทุนในตัวเองแบบที่ถูกต้อง
ตั้งแต่เด็กจนโตเรามักจะได้ยินผู้ใหญ่สอนเสมอว่า อย่าใช้เงิ นสุรุ่ยสุร่าย แต่เมื่อเราเก็บเงิ นไปเรื่อยๆ โดยออมไว้ 1 แสนต่อปี จนครบ 1 ล้านบาท ต้องใช้เวลามากถึง 10 ปี นี่อาจไม่ได้เรียกว่าเก่งหรอกนะ เพราะคุณต้องใช้เวลาน านมากถึง 10 ปี เพื่อเงินเก็บแค่ 1 ล้าน แต่กับบางคนใช้เวลาแค่ปีเดียวก็ได้แล้ว
ในช่วงที่คุณยังมีแ รงในการทำงา น คุณควรนำเงินส่วนหนึ่งนั้นมาลงทุ นกับตัวเอง โดยบางคนอาจนำเงินส่วนนี้ไปเล่นฟิตเน ส ออ กกำลังก าย จนพบช่องทางการทำธุ รกิจ เช่น ข า ยอ าห ารสุ ขภ าพ ข ายอ าห ารเสริ มหรือเปิดยิมไว้ให้คนมาใช้บ ริก าร บางคนที่ชอบท่องเที่ยวอาจนำเงิ นส่วนหนึ่งไปไว้เที่ยวรอบโ ลก เพื่อนำธุรกิจน่าสนใจให ม่ๆของต่างประเทศมาเป็นไอเดี ยในการทำธุรกิจของตัวเองก็ได้เช่นกัน
เมื่อคุณได้เรียนรู้และทำในสิ่งที่คุณช อบ ด้วยประสบการณ์และไอเดียใหม่ๆจะทำให้คุณรู้สึกว่าเงิ นที่คุณเสี ยไปนั้นมันคุ้ มค่ า และเงิ นที่คุณลงไปนั้นจะได้กลับคืนมาอีกหลายเท่ าเลยล่ะ
คนประเภทที่ห้าคือ คนที่ไม่รู้จักทำงา นร่วมกับผู้อื่นให้เป็น
นี่เป็นเรื่องของผู้สมัครง าน 6 คน ที่เข้ามาสมัครงา นในบริษัทต่า งช าติแห่งหนึ่ง เขาได้ให้เงิ นกับกลุ่มผู้สมัครงา นไป 75 บาท เพื่อไปหาข้าวกินที่ร้านอ าห าร เมื่อพวกเขา6 คน ไปถึงร้านก็พบว่าข้าวจานหนึ่งอย่ างต่ำก็ 15 บาท เงินที่พวกเขาได้มานั้นไม่พอสำหรับกิน 6 คน พวกเขาจึงได้เดินกลับไปบริษัทอย่ างหงุ ดหงิ ด
เมื่อกลับไปถึง ประธานบริษัทก็ทำได้แค่ส่ายหน้าแล้วบอกพวกเขาทั้ง 6 คนว่า “ขอโทษด้วย พวกคุณไม่เหมาะจะเข้ามาทำงานในบริษัทเรา” ร้านอ าหา รนั้นมีโป รโ มชั่ น 5 แถ ม 1 หรือถึงแม้ว่าทางร้ านจะไม่มีโป รโมชั่ น ก็สามารถสั่งข้าวมา 5 ชาม แล้วขอจานเขามาเพื่อแบ่งข้าวกันกินก็ได้ แต่นี่ผู้สมัครทั้ง 6 คนไม่คิดว่าตัวเองเป็นทีมเดียวกัน ต่างคนต่างคิดถึงแต่ตัวเองจึงได้เดินกลับมามือเปล่าไงล่ะ
มีนักปรัชญาท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า “สมมุติเราเปรียบคนๆหนึ่งเป็นอิฐหนึ่งก้อน โยนทิ้งลงไปบนพื้น มันก็ง่า ยที่จะสามารถเ ตะไปมาได้ แต่หากเอาอิฐหลายๆก้อนมาก่อให้เป็นผนัง มันก็ย ากที่จะทำล ายลงได้”
สมัยก่อนคนอาจพูดว่าปลาเล็ กมักจะกินปลาให ญ่ แต่ในปัจจุบันปลาเร็ วมันจะกินปลาช้ า
สิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นมันมักจะเป็นโอก าสที่ดีให้เราได้ไขว่คว้ า การที่เรารีบไขว่คว้ าโอก าสทางธุรกิ จมันก็จะมีผลให้ธุ รกิจเราเติ บโ ตได้ร วดเ ร็ว น้อยคนที่จะสามารถมาเป็นคู่แข่ งได้ สมัยนี้เราต้องรู้จักเอาตัวรอด เรีย นรู้และปรับตัวให้ทันโ ลกเสมอ หมั่นแ ก้ไ ขข้อบกพร่องของตัวเอง อย่าให้มีช่อ งโหว่ให้คนอื่นมาโจ มตี
ทุกอ าชี พในอน าคตล้วนมีโอก าสตกง าน อยู่ที่จะมีโอก าสมากหรือน้อยแค่นั้น ฉะนั้นเราจึงต้องหัดเรียนรู้ ค้นคว้ าสิ่งใ หม่ๆให้กับตัวเอง อย่ามัวนิ่งเฉยทำอะไรเดิมๆ เพราะในอนาคตก็ไม่สามารถจะรู้ได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้ าง
Cr. แหล่งที่มาจาก : LIEKR